การใช้งาน Linux Ubuntu 16.04 เบื้องต้น

ในการเขียนแอพหรือรับทำแอพ ระบบปฏิบัติการก็เป็นส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญ ในปัจจุบันจะมีอยู่ 2 แบบคือแบบที่เป็น Linux กับ Unix Base คือจะเป็นพวก Linux ต่างๆรวมถึงตัว Mac OS ด้วย ซึ่งจะมีผลเกี่ยวกับการทำงานและเครื่องมือที่ใช้ในการทำงาน โดยในการรับทำแอพจะมีความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายทำให้ระบบปฏิบัติการที่เลือกใช้จำเป็นต้องรองรับความหลากหลายได้มากเพื่อให้การรับทำแอพสามารถทำได้ง่ายและสะดวก

อัพเดทและติดตั้งโปรแกรม
http://www.sbayit.com/?p=356

เปลี่ยนภาษาแป้นพิมพ์
http://www.sbayit.com/?p=358

ปรับขนาดจอ
http://www.sbayit.com/?p=360

ปรับแต่ง Launcher
http://www.sbayit.com/?p=362

ลบแอพ Amazon
http://www.sbayit.com/?p=365

ข้อแตกต่างระหว่าง Windows กับ Linux หรือ Unix Base

จุดสังเกตแรกก็คือจะเป็นในเรื่องของระบบไฟล์ Windows จะใช้เป็น Drive C: D: แต่ถ้าเป็นระบบ unix หรือ Linux จะเป็นแบบ Root Folder คืออยู่ภายใต้ (/) slash ไม่ว่าในระบบจะมี Harddisk อยู่กี่ลูกก็ตามจะอยู่ภายใต้ Root หรือ (/) slash นี้เท่านั้นและไฟล์ที่อยู่ในระบบ unix หรือ Linux ถ้าเราใช้คำสั่ง

 ls -l

จะมีการแสดงในเรื่องของสิทธิ์ในการอ่านเขียนไฟล์นั้นแยกออกเป็นสำหรับเจ้าของไฟล์กลุ่มและคนอื่นทำให้การจัดการในเรื่องของสิทธิ์ของไฟล์ทำได้ง่ายโดยในการแสดงไฟล์ของ Windows จะใช้คำสั่ง

 dir

อันนี้ก็จะเป็นข้อสังเกตหนึ่งเมื่อเราล็อกอินเข้าไปในระบบแล้วเราสามารถใช้ 2 คำสั่งนี้ดูได้นะครับว่าระบบที่เราใช้งานอยู่เป็นแบบไหน ส่วนอีกจุดหนึ่งคือซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการติดตั้งบน Windows จะเป็นไฟล์นามสกุล exe ส่วนถ้าเป็นของ ubuntu จะเป็นไฟล์นามสกุล deb ซึ่งผู้ผลิตซอฟต์แวร์บางแห่งจะรองรับอย่างใดอย่างหนึ่งหรือบางแห่งก็อาจจะรองรับทั้ง 2 แบบได้ โดยในการรับทำแอพปกติควรจะรองรับทั้ง 2 แบบเพื่อให้ครอบคลุมการทำงานได้มากขึ้น

การเลือกใช้ระหว่าง Windows กับ Linux

อาจจะเรียกได้ว่าเป็นประเด็นดราม่าระหว่าง Windows กับ Linux ในการรับทำ app จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือส่วนที่เป็น Server และส่วนที่เป็น Desktop โดยในส่วนของเซิร์ฟเวอร์ปัจจุบันมีความนิยมใช้ระบบปฏิบัติการ Linux อย่างมากเหตุผลหนึ่งคือตัว Linux เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้งานได้ฟรี ทำให้เวลาเราเช่า Server เพื่อรับทำ App สามารถเช่าได้ในราคาถูก 2 ก็คือในส่วนของ Linux จะมีความปลอดภัยค่อนข้างสูงเนื่องจากมีระบบในเรื่องของสิทธิ์ของไฟล์ค่อนข้างดี

ส่วนที่ 2 คือในส่วนของ Desktop ซึ่งตรงนี้จะมองที่เป็นสองส่วนก็คือเป็นผู้ที่เข้าไปใช้ระบบหรือเป็น User ทั่วไป 2 ก็คือจะเป็นในส่วนของ developer หรือผู้ที่พัฒนาซอฟต์แวร์จากตรงนี้ ในมุมมองของการใช้ในส่วนของ Desktop บางครั้งเราค่อนข้างที่จะหลงประเด็นคือเราจะมองว่าเราใช้วินโด้เราใช้ Linux แต่จริงๆแล้วสิ่งที่เราใช้คือซอฟต์แวร์

ยกตัวอย่างเช่นถ้าเราต้องการแก้ไขรูปภาพเราใช้ Photoshop ถ้าเราต้องการพิมพ์งานเราใช้ Microsoft Word นี่คือเราใช้ซอฟต์แวร์เราไม่ได้ใช้ตัว Windows อย่างเช่น Photoshop สามารถทำงานได้ทั้งบน Windows และ Mac OS ดังนั้นเมื่อเราเปิดโปรแกรมขึ้นมาเราก็คือใช้ Photoshop ไม่ได้ใช้ตัว Windows หรือ Mac OS อยากให้เข้าใจตรงนี้ก่อน

แล้วตัว Windows หรือ Mac OS หรือว่า Linux เป็นระบบปฏิบัติการซึ่งระบบปฏิบัติการจะมีหน้าที่ในเรื่องของการจัดการซอฟต์แวร์ให้กับเราอย่างเช่นเราต้องการที่จะติดตั้งซอฟต์แวร์ ต้องการที่จะลบซอฟต์แวร์ออกจากระบบ ต้องการที่จะเปิดแล้วต้องการที่จะปิดตัวซอฟต์แวร์ตรงนี้ระบบปฏิบัติการจะทำให้กับเรา

ซึ่งแต่ละระบบจะทำงานคล้ายกันจะมีข้อแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยและในการใช้งานในส่วนนี้ จะเป็นการใช้งานในการติดตั้งหรือลบออกนานๆครั้ง ซึ่งเวลาส่วนใหญ่ของเราจะอยู่กับการใช้ซอฟต์แวร์เป็นหลักไม่ได้ใช้ระบบปฏิบัติการดังนั้นถ้าเราไปซีเรียสกับการใช้วินโดว์หรือการใช้ Linux มากๆ บางครั้งทำให้เราหลงประเด็นของการใช้งาน

เพราะฉะนั้นการที่เราจะเลือกใช้ระบบใดระบบหนึ่งขออยากให้มองในส่วนของซอฟต์แวร์เป็นหลักว่าระบบที่เราใช้นั้นรองรับไหมถ้าทั้ง 2 ระบบรองรับเหมือนกันเราก็ลองเลือกระบบที่ 1 อาจจะเป็นระบบฟรีหรือมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าเขาจะทำให้เราสามารถเลือกใช้ระบบปฏิบัติการได้ถูกต้อง
สำหรับตัวผมเองจะใช้ระบบปฏิบัติการ Linux Mint เหตุผลที่ใช้ระบบปฏิบัติการลีนุกซ์เพราะ Linux มีระบบไฟล์ที่ใกล้เคียงกับ Server ที่ผมเช่าสำหรับใช้ในการรับทำแอพ ทำให้เวลาในการส่งไฟล์ไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ในการรับทำแอพทำได้ง่ายและไม่ต้องตามไปเปลี่ยนสิทธิ์ของไฟล์ในภายหลัง

อีกส่วนหนึ่งคือซอฟต์แวร์ที่อยู่บน Linux จะเป็นซอฟต์แวร์ที่เป็น freeware หรือ open source ทำให้สะดวกต่อการใช้งานมากไม่จำเป็นต้องไปหาซื้อซอฟแวร์มาลง เพราะฉะนั้นในเรื่องของการรับทำแอพก็จะทำให้มีต้นทุนที่ค่อนข้างต่ำได้ เพราะว่าซอฟต์แวร์ในการที่จะพัฒนาบน Windows ส่วนใหญ่จะต้องซื้อและมีราคาค่อนข้างสูง

ส่วนที่ใช้เป็น Linux Mint ทำไมถึงไม่ใช้เป็น Linux ubuntu เพราะว่า Linux ubuntu เป็นระบบปฏิบัติการที่มีหน้าจอลูกเล่นค่อนข้างเยอะการที่มีลูกเล่นค่อนข้างเยอะ ก็จะมีผลตามมาก็คือบัคหรือปัญหานี้จะเยอะ ส่วน Linux Mint จะเป็นหน้าจอการใช้งานแบบเรียบง่ายและอย่างที่ได้บอกไปแล้วว่าผมจะโฟกัสเรื่องของซอฟต์แวร์เป็นหลักไม่ได้โฟกัสในเรื่องของระบบปฏิบัติการเมื่อผมเปิดโปรแกรมขึ้นมาในการที่จะรับทำแอพ ผมก็จะใช้ซอฟต์แวร์ตรงนั้นเป็นหลักและ Linux Mint ก็ค่อนข้างที่จะเสถียร

การอัพเดทระบบและการติดตั้งซอฟต์แวร์

การอัพเดทระบบสำหรับ Linux ubuntu สามารถใช้ทั้งที่เป็นแบบ Command line และกราฟิก (GUI) ได้ สำหรับตัว Linux ubuntu จะใช้ซอฟต์แวร์ที่ชื่อว่า ubuntu Software สามารถใช้ในการค้นหาติดตั้งและลบซอฟต์แวร์ออกจากตัว ubuntu ได้ อีกแบบหนึ่งจะเป็นแบบ Command line โดยใช้โปรแกรมที่ชื่อว่า apt

sudo apt install <software>
sudo apt autoremove <software>
sudo apt search <software>

โดยตัว apt นี้จะเป็นเวอร์ชั่นใหม่สำหรับคำสั่งแบบเก่าที่ชื่อว่า apt-get และ apt-cache โดยจะเป็นการรวมความสามารถของทั้งสองตัวนี้ก็ด้วยกันโดยถ้าเป็น apt-get จะสามารถใช้ในการติดตั้งและลบซอฟต์แวร์ได้ส่วน apt-cache จะใช้ในการค้นหาซอฟแวร์โดยตัวเอง PT จะทำได้ทั้งการติดตั้งการลบซอฟแวร์และค้นหาซอฟต์แวร์ได้โดยทำหน้าที่เป็นตัวกลางที่จะไปเรียก apt-get หรือ apt-cahce อีกครั้ง เพื่อทำให้สะดวกต่อการใช้งาน

การพิมพ์ภาษาไทย

ในขั้นตอนการติดตั้งหากเราเลือกแป้นพิมพ์เป็นภาษาไทยหลังจากที่ติดตั้งแล้วระบบจะรองรับภาษาอังกฤษและภาษาไทยให้โดยอัตโนมัติโดยปุ่ม default สำหรับการเปลี่ยนภาษาจะใช้ Super + Space โดยตัว Super จะเป็นปุ่ม Windows แต่เท่าที่ทดสอบไม่สามารถใช้เปลี่ยนภาษาได้ จึงแนะนำให้ใช้ alt + Space แทน เนื่องจากเคยใช้กับ Macbook ตัวเก่าแล้วรู้สึกว่าใช้งานได้ง่ายโดยเฉพาะสำหรับการพิมพ์แบบสัมผัสด้วยการเปลี่ยนภาษาเราสามารถใช้นิ้วโป้งด้านซ้ายกด alt แล้วใช้นิ้วโป้งด้านขวากด Space ทำให้ไม่ต้องยกมือออกจากแป้นพิมพ์เพื่อเปลี่ยนภาษา โดยการเข้าไปที่หน้า Control แล้วเลือกคีย์บอร์ดจากนั้นเข้าไปเปลี่ยนช็อตคัตได้

การปรับขนาดหน้าจอ

ในกรณีที่เราต้องการเพิ่มขนาดหน้าจอให้ใหญ่ขึ้นจะมีรูปแบบอยู่ 2 อย่างอย่างแรกคือการลด resolution ของหน้าจอลงจะทำให้ไอคอนแล้วฟอนต์ต่างๆในหน้าจอมีขนาดใหญ่ขึ้นแต่ความละเอียดจะลดลง อีกแบบหนึ่งคือการใช้ในเรื่องของการสเกลซึ่งเป็นข้อดีของ Unity ใน Linux ubuntu ซึ่งผมเคยได้ทดลองใช้ Linux ดิสทิบิวชั่นตัวอื่นเช่น Linux Mint fedora centos แล้วยังไม่สามารถที่จะเปลี่ยนได้เหมือนกับใน Unity ของ ubuntu ซึ่งสามารถสเกลได้ค่อนข้างละเอียดส่วนการปรับให้ใหญ่ขึ้นโดยการลด resolution นั้นจะไม่แนะนำเพราะจะทำให้ภาพที่แสดงในหน้าจอลดความละเอียดลงไปด้วย

การปรับแต่งรูปแบบของโปรแกรมและแอพพลิเคชั่นอเมซอน

ในการใช้งานบางครั้งเราอาจจะต้องการย้ายตัวรันเชอร์ (Launcher) ลงมาอยู่ด้านล่างสามารถทำได้โดยผ่านทาง Command line หรือใช้ Software ที่ชื่อว่า Unity Tweak Tool ซึ่งจะสามารถย้ายให้อยู่ด้านซ้ายมือหรืออยู่ด้านล่างได้ข้อดีของการย้ายด้วย Command line คือไม่จำเป็นต้องติดตั้ง Software Unity Tweak Tool เพิ่ม

ซึ่งตัว Unity Tweak Tool จะค่อนข้างผูกติดอยู่กับตัวอเมซอนซึ่งบางท่านอาจจะต้องการลบออกข้อดีของตัว Unity Tweak Tool คือสามารถปรับแต่งได้ง่ายโดยที่ไม่ต้องใช้คำสั่ง Command line เลย

gsettings set com.canonical.Unity.Launcher launcher-position Bottom
gsettings set com.canonical.Unity.Launcher launcher-position Left


สำหรับตัว Application Amazon เมื่อเราทำการเปิด App แล้วจะเข้าไปสู่เว็บไซต์ของ Amazon เพื่อทำการสั่งซื้อสินค้าเมื่อเราทำการสั่งซื้อสินค้าทาง ubuntu จะได้เปอร์เซ็นต์จากการขายสินค้านั้น ซึ่งก็จะเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการที่จะสนับสนุน ubuntu แต่สำหรับบางคนที่เคยมีประเด็นเกี่ยวกับตัว Software Amazon ทำการดึงข้อมูล keyword ในการค้นหาของเราออกไป บางครั้งก็อาจจะรู้สึกไม่ชอบก็สามารถใช้คำสั่ง Command line ในการลบตัว Application Amazon ออกไปได้ ซึ่งข้อควรระวังสำหรับการรับทำแอพเราไม่ควรติดตั้งซอฟต์แวร์ที่มีการฝังตัวและดึงข้อมูลของลูกค้าออกมาใช้งานซึ่งจะทำให้ Application ที่เรารับทำแอพนั้นขาดความน่าเชื่อถือ

sudo apt-get remove unity-webapps-common